เมทาดาทา (Metadata)
เมทาดาทา (Metadata) หมายถึง ข้อมูลที่ใช้บ่งชี้ บอกคุณลักษณะ
หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูล ซึ่งมีอยู่มากมายหลายลักษณะ สำหรับงานห้องสมุด
ได้นำเมทาดาทามาช่วยในการลงรายการข้อมูลของทรัพยากรสารสนเทศต่างๆ ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งทรัพยากรสารสนเทศที่เป็นดิจิทัล และไม่เป็นดิจิทัล เนื่องจาก
เมทาดาทาช่วยเพิ่มความสามารถในการค้นคืน และเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศ
ช่วยสงวนรักษาบริบทอื่นๆ ที่สำคัญของทรัพยากรสารสนเทศ ขยายขอบเขตการใช้งานสารสนเทศ
และบ่งชี้คุณสมบัติเฉพาะของสารสนเทศ มาตรฐานการลงรายการต่างๆ
ที่นำมาใช้ในงานห้องสมุด จึงทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ทำให้สะดวก
และไม่เกิดความสับสนในการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ
ส่วนมาตรฐานเมทาดาทามีอยู่มากมาย
แต่ละมาตรฐานมีความแตกต่างกันในด้านการนำไปใช้ ทั้งนี้ ทุกมาตรฐานมีข้อดี
และข้อจำกัดไม่เหมือนกัน การที่ห้องสมุดจะเลือกนำมาตรฐานใดมาใช้
ต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบ และขอบเขตงานของแต่ละห้องสมุด นอกจากนี้
ห้องสมุดอาจใช้มาตรฐานหลายมาตรฐานในการจัดการทรัพยากรสนเทศของห้องสมุดได้
เนื่องจากมาตรฐานเมทาดาสามารถนำมาใช้ร่วมกันกับมาตรฐานเมทาดาทาอื่นๆ ได้
มาตรฐานเมทาดาทาที่นำมาใช้ในห้องสมุดดิจิทัล
มาตรฐานเมทาดาทาแต่ละแบบแผนมีความแตกต่างกันในด้านโครงสร้าง
และการนำไปใช้
ห้องสมุดมีการใช้มาตรฐานเมทาดาทาในการจัดการทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุด เมทาดาทา จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับห้องสมุดดิจิทัล
โดยมาตรฐานเมทาดาทาที่ห้องสมุดดิจิทัลนิยมนำมาใช้ มีดังต่อไปนี้
Dublin
Core Metadata Initiative หรือ DCMI เป็นเมทาดาทาที่ได้รับการพัฒนามาบนพื้นฐานแนวคิดที่จะให้เป็นเมทาดาทาที่ง่ายต่อการใช้
และเน้นการอธิบายถึงสารสนเทศในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากการประชุมเชิงปฎิบัติการของ Ohio College Library Consortium (OCLC) และ National Center
for Supercomputing Applications (NCSA) ในปี 1995 ที่เมืองดับลิน รัฐโอไฮโอ
ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดแบบแผนอย่างง่ายให้เจ้าของผลงานสามารถจัดการและให้คำอธิบายเนื้อหาสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง
ทำให้สามารถสืบค้นร่วมกับฐานข้อมูลต่างระบบได้ ซึ่งมีหน่วยข้อมูลย่อยทั้งหมด 15
หน่วย และแบ่งชุดข้อมูลออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1.หน่วยข้อมูลย่อยที่เกี่ยวกับเนื้อหาของทรัพยากรสารสนเทศเป็นหน่วยข้อมูลที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับข้อมูล
ดังนี้
- ชื่อเรื่อง (Title)
- หัวเรื่อง (Subject)
- ต้นฉบับ (Source)
- เรื่องที่เกี่ยวข้อง (Relation)
- คำอธิบายเนื้อหา (Description)
- ประเภท (Type)
- ขอบเขต (Coverage)
2. หน่วยข้อมูลย่อย
ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหน่วยข้อมูลที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับข้อมูล
ดังนี้
- ผู้เขียน หรือเจ้าของผลงาน (Author
or Creator)
- สำนักพิมพ์ (Publisher)
- ผู้มีส่วนร่วมในผลงานนั้น ๆ (Contributor)
- สิทธิ (Rights)
3. หน่วยข้อมูลย่อยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบที่ปรากฏให้ใช้งาน
เป็นหน่วยข้อมูลที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับข้อมูล ดังนี้
- วัน เดือน ปี ที่สร้างผลงาน (Date)
- ภาษา (Language)
- รูปแบบของการนำเสนอผลงาน(Format)
- ตัวบ่งชี้หรือตัวระบุถึงทรัพยากร (Identifier)
ตัวอย่าง การลงรายการดับลินคอร์ ในเขตข้อมูลชื่อเรื่องเจ้าของผลงาน
ประเภท และรูปแบบการนำเสนอ จากเว็บไซต์ dublincore.org (Dublin Core Metadata
Initiative Limited, n.d.)
Title="The Bronco
Buster"
Creator="Frederic
Remington"
Type="Physical
object"
Format="bronze"
Format="22
in."
METS
(Metadata Encoding and Transmission Standard)
METS ย่อมาจาก Metadata Encoding and Transmission Standard เป็นมาตรฐานเมทาดาทาที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลเชิงโครงสร้างประเภทต่างๆ
เพื่อระบุข้อมูลเชิงเทคนิค ทำการเชื่อมโยง และจัดระเบียบเอกสารสารสนเทศดิจิทัล
โดยใช้ภาษาโครงร้าง XML ที่ทำการออกแบบมาเพื่อกำกับและจัดการเมทาดาทาประเภทต่างๆ
ที่จำเป็นสำหรับการบรรยายและจัดการทรัพยากรสารสนเทศในรูปดิจิทัล
โดยทำการเชื่อมต่อเมทาดาทาประเภทต่างๆ เข้าด้วยกัน
และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างแหล่งกันอีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการให้บริการทรัพยากรสารสนเทศแก่ผู้ใช้แบ่งเขตข้อมูลออกเป็น
7 ชุด ดังนี้
1. METS
header <metsHdr> ระบุข้อมูล
วันเดือนปีที่สร้าง วันเดือนปีที่ปรับปรุงล่าสุด สถานภาพ
รวมทั้งชื่อและหน้าที่ของผู้รับผิดชอบในสร้าง
2. Descriptive
metadata <dmdSec> ระบุเมทาดาทาที่ใช้อธิบายถึงทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัล
3. Administrative
metadata <amdSec> ระบุข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างทรัพยากรสารสนเทศให้เป็นดิจิทัล
ข้อมูลทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา เมทาดาทาที่เกี่ยวข้องกับต้นฉบับ
และแหล่งที่มาของทรัพยากรสารสนเทศ
4. File
section <fileSec> ระบุเอกสารเวอร์ชั่นต่างๆ
ของทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัล
5. Structural map
<structMap> ระบุโครงสร้างตามลำดับชั้นของเอกสารสารสนเทศดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกัน
6. Structural
links <structLink> ระบุการเชื่อโยงหลายมิติ(hyperlinks)ที่เชื่อมโยงกับเอกสารสารสนเทศดิจิทัล
7. Behavior
section <behaviorSec> เชื่อมโยงการใช้โปรแกรม
ตัวอย่าง ระเบียน METS ของ Alabama blues /
Booker T Sapps [sound recording] จากข้อมูลทางบรรณานุกรมของ Library of Congress (Library of Congress,
2011)
<mets:metsxmlns:rights="http://www.loc.gov/rights/"
xmlns:xlink="http://www.w3.org/1999/xlink"
xmlns:lc="http://www.loc.gov/mets/profiles"
xmlns:bib="http://www.loc.gov/mets/profiles/bibRecord"
xmlns:mods="http://www.loc.gov/mods/v3" xmlns:mets="http://www.loc.gov/METS/"
xmlns:xsi="http://www.w3.org/2001/XMLSchema-instance"
OBJID="loc.afc.afc9999005.1153"
xsi:schemaLocation="http://www.loc.gov/METS/
http://www.loc.gov/standards/mets/mets.xsd http://www.loc.gov/mods/v3
http://www.loc.gov/standards/mods/v3/mods-3-2.xsd"
PROFILE="lc:bibRecord">
<mets:dmdSec ID="dmd1">
<mets:mdWrap MDTYPE="MODS">
<mets:xmlData>
<mods:mods ID="mods1">
<mods:titleInfo>
<mods:title>Alabama blues</mods:title>
</mods:titleInfo>
<mods:name type="personal">
<mods:namePart>Lomax, Alan</mods:namePart>
<mods:namePart type="date">1915-2002</mods:namePart>
<mods:role>
<mods:roleTerm type="text">Recordist</mods:roleTerm>
</mods:role>
</mods:name>
<mods:name type="personal">
<mods:namePart>Hurston, Zora Neale</mods:namePart>
<mods:role>
<mods:roleTerm type="text">Recordist</mods:roleTerm>
</mods:role>
</mods:name>
RDF
(Resource Description Framework)
RDF ย่อมาจากResource Description Framework ได้รับการพัฒนาโดย World
Wide Web Consortium (W3C) เป็นมาตรฐานที่ใช้บ่งบอกถึงกรอบในการกำหนดและแลกเปลี่ยนข้อมูลเมทาดาทาบนเว็บไซต์ซึ่งเป็นกรอบงานที่ใช้อธิบายถึงสิ่งที่อยู่ในเว็บไซต์
เป็นมาตรฐานที่เขียนด้วยภาษา XML จึงถูกเรียกว่า RDF/XML ทั้งนี้ RDF เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างซีแมนติกเว็บ[1] (Semantic Web) ที่ออกแบบมาเพื่อให้คอมพิวเตอร์ และแอพพลิเคชันต่างๆ
ของคอมพิวเตอร์สามารถอ่านได้ แต่ไม่ได้แสดงผลบนหน้าเว็บไซต์
RDF มีคุณสมบัติในการผสานข้อมูล
ถึงแม้ว่าโครงสร้างหรือแบบแผนของข้อมูลมีความแตกต่างกันซึ่งสามารถบูรณาการแบบแผนเมทาดาทาต่างๆ
เข้าด้วยกัน
และนำส่วนย่อยของเมทาดาทาต่างชนิดกันมารวมอยู่ในเอกสารเดียวกันได้โดยมีการอธิบายถึงข้อมูลทรัพยากรในเว็บไซต์
เช่น ชื่อเรื่อง ผู้เขียน ลิขสิทธิ์ เป็นต้น
ตัวอย่าง ระเบียน RDF ที่นำมาปรับใช้กับมาตรฐานดับลินคอร์สำหรับการลงรายการทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ประเภทเสียง (Dublin Core Metadata Initiative Limited, n.d.)
<rdf:RDF
xmlns:rdf="http://www.w3.org/1999/02/22-rdf-syntax-ns#"
xmlns:dc="http://purl.org/dc/elements/1.1/">
<rdf:Descriptionrdf:about="http://media.example.com/audio/guide.ra">
<dc:creator>Rose Bush</dc:creator>
<dc:title>A Guide to Growing
Roses</dc:title>
<dc:description>Describes process for
planting and nurturing different kinds of rose bushes.</dc:description>
<dc:date>2001-01-20</dc:date>
</rdf:Description>
</rdf:RDF>
EAD ย่อมาจาก Encoded Archival Description เป็นมาตรฐานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน (Library of Congress) และสมาคมนักจดหมายเหตุแห่งสหรัฐอเมริกา
(Society of American Archivists) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นวิธีการหนึ่งในการทำเครื่องหมาย (Mark up) ข้อมูลลงในเครื่องมือช่วยค้น
โดยใช้ภาษา SGML และ XML เพื่อช่วยในการค้นหาและแสดงผลทางออนไลน์โดยเฉพาะเอกสาร จดหมายเหตุ เอกสารตัวเขียน
และสิ่งพิมพ์พิเศษอื่นๆ
เนื่องจากการลงรายการทรัพยากรกลุ่มนี้จะมีลักษณะที่เฉพาะกว่าเอกสารโดยทั่วไป
ตัวอย่าง ระเบียนส่วนหัวของมาตรฐาน EAD (EAD header) (Library of Congress, 2006)
<ead>
<eadheader audience="internal"
countryencoding="iso3166-1" dateencoding="iso8601"
langencoding="iso639-2b"
repositoryencoding="iso15511">
<eadid countrycode="us"
mainagencycode="cu-i" publicid="-//us::cu-i//TEXT us::cu-i::p29.sgm//EN">Mildred
Davenport Dance Programs and Dance School Materials, MS-P29
</eadid>
Meta
Tag
Meta Tags มีไว้สำหรับใส่รายละเอียดของเมทาดาทา
โดยใช้ภาษา HTML ซึ่งจะบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหา
และคำสำคัญของเว็บเพจที่กำลังแสดงผลอยู่ แต่ไม่แสดงผลทางหน้า เว็บเพจ โดยเป็นมาตรฐานเดียวกันที่ทำให้ตัว Search Engine สามารถเข้ามาเก็บข้อมูลรายละเอียดของเว็บเพจนั้นๆได้หากเว็บเพจไม่มีการลง Meta Tags ไว้ Search Engine จะทำการหาคำอื่นๆ
ที่อยู่ในเนื้อหาของเว็บเพจไปแสดงแทน
ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับจุดประสงค์ของเนื้อหาที่แท้จริง การใช้งาน Meta Tagsจำเป็นต้องใช้ภาษา HTML ในการเขียน
จะต้องเริ่มการเขียนข้อมูลโดยใช้โค้ด <head> และปิดด้วย </head> ซึ่งมีเขตข้อมูลที่หลากหลาย โดยสามารถเลือกใช้เขตข้อมูลได้ตามความจำเป็น
สำหรับเขตข้อมูลที่นิยมใช้จริง มีเพียง 3 ชุดเท่านั้น คือ
1.Meta tags ที่ใช้กำหนดชนิดตัวอักษร <meta
http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset="รหัสมาตรฐานภาษาที่ใช้บนเว็บ">
2.Meta
tags ที่ใช้บอกคำที่เกี่ยวข้องกับเว็บเพจ <meta name="keywords" content="คำสำคัญ, คำสำคัญ">
3.Meta
tags ที่ใช้บอกรายละเอียดของเว็บเพจ <meta name="description" content="เนื้อหาเกี่ยวกับเว็บไซต์">
ตัวอย่าง การฝัง Meta Tag จากเว็บเพจ (MetaTags Company Inc., (2012)
<html>
<head>
<meta
http-equiv="Content-Type" content="text/html;
charset=iso-8859-1">
<link
rel="stylesheet" type="text/css"
href="/css/style.css">
<link
rel="shortcut icon" href="/favicon.ico"
type="image/x-icon">
<title>Official USA Meta tags Website |
the secrets of search engines html meta tags | meta tags search engine
promotion</title>
<meta name="keywords"
content="meta tags, metatags, official, submit, search engine, submission,
seo, internet marketing, increase traffic, promotion, web page
promotions">
<meta name="description"
content="Meta tags research shows that only 20% of all the web pages
contain metatags and over 85% of the websites is unfit to be submitted to the
search engines. Metatags.org helps you to make good meta tags">
MARC
(Machine Readable Cataloging)
MARC ย่อมาจาก MA: Machine R: Readable C: Cataloging มีความหมายว่า การลงรายการที่เครื่องสามารถอ่านได้ MARC จึงเป็นมาตรฐานการลงรายการบรรณานุกรม
การแสดงรายการทางบรรณานุกรม และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถอ่านและตีความข้อมูลในบันทึกรายการได้
ซึ่งจะเป็นการให้รายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. คำอธิบายทั่วไปเกี่ยวกับสารสนเทศ
ซึ่งใช้กฎในการลงรายการของ แองโกล–
อเมริกัน ฉบับปรับปรุงแก้ไข 2002 (Anglo-American Cataloguing Rules, 2nd ed., 2002 revision)
2. รายการหลัก
และรายการเพิ่มเติม ตามหลักของ AACR2 ซึ่งจะเป็นรายการที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลของการลงรายการเข้าไว้ด้วยกัน
3. หัวเรื่องโดยจะใช้การลงรายการหัวเรื่องจาก Sears List of Subject Headings (Sears) หรือ The Library of
Congress Subject Headings (LCSH) หรือมาตรฐานการลงรายการหัวเรื่องอื่นๆตามความเหมาะสม
4. เลขเรียกหนังสือ
โดยใช้เลขหมู่แบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey
Decimal) หรือเลขหมู่แบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน (Library of Congress Classification)
ตัวอย่าง ระเบียน MARC ของหนังสือชื่อ A tale of two cities ในเขตข้อมูล 050 082 100 245 260 และ 300 (Library of Congress, 1996)
050 00 |a PR4571 |b .A1
1999
082 00 |a 823/.8 |2 21
100 1_ |a Dickens,
Charles, |d 1812-1870.
245 12 |a A tale of two
cities / |c Charles Dickens.
260 __ |a Mineola, N.Y.
: |b Dover Publications, |c c1999.
300 __ |a vi, 293 p. ;
|c 21 cm.
ISAD(G) (General
International Standard Archival Description)
ISAD(G) ย่อมาจาก General International Standard Archival Description คือ มาตรฐานคำอธิบายจดหมายเหตุระหว่างประเทศ ซึ่งจัดทำขึ้นโดย International Council on Archives หรือ ICAเป็นระบบที่ใช้ในการทำจดหมายเหตุอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้หน่วยงานที่จัดทำจดหมายเหตุมีการลงรายการข้อมูล
หรือคำอธิบายต่างๆ ที่ตรงกัน
ตัวอย่าง ระเบียน ISAD(G) (ICA, 1999)
Reference code(s)
CA OONAD R610-134-2-E
Former Archival Reference number: RG43-A
Title Railway Branch correspondence, contracts, specifications,
maps, plans and technical drawings and othermiscelleaneous records [textual
record, cartographic material]
Date(s)
1867-1936
Level of
description Series
CDWA
(Categories for the Description of Works of Art)
CDWA ย่อมาจาก Categories for the Description of Works of Art เป็นมาตรฐานสำหรับงานศิลปะ
ที่ใช้จัดการงานพิพิธภัณฑ์ที่ถูกจัดทำขึ้นโดย The
Art Information Task Force หรือ AITF ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จัดทำโครงสร้างขึ้นมาเพื่ออธิบายข้อมูลของงานศิลปะ
และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถจัดทำให้อยู่ในรูปแบบฐานข้อมูล
หรือการเข้ารหัส XMLได้ เพื่อให้ข้อมูลสามารถใช้งานร่วมกันได้ เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเครือข่าย มีความสมบูรณ์ข้องข้อมูล
และทำให้ข้อมูลสามารถใช้งานได้ยาวนาน
ภาพที่ 1 ตัวอย่าง
การใช้มาตรฐาน CDWA ในการอธิบายงานศิลปะ (Baca
& Harpring, 2009)
PDF
Metadata
PDF เป็นไฟล์เอกสารประเภทหนึ่งที่สร้างมาจากโปรแกรมประเภท PDF Creator โดยสามารถปรับปรุงไฟล์ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ง่าย
อีกทั้งไฟล์ PDF สามารถแบ่งประเภทอัตโนมัติบนพื้นฐานของเมทาดาทาได้โดยไม่ต้องอาศัยการแทรกแซงของคน PDF Metadata จึงเป็นเมทาดาทาที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่เป็นไฟล์ PDF
ภาพที่ 2 ตัวอย่าง
ระเบียน PDF Metadata จาก เอกสารชื่อ Understanding
Metadata
EXIF
(Exchangeable image file format)
EXIF ย่อมาจาก Exchangeable Image File Format เป็นเมทาดาทาที่ให้ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับรูปถ่าย พัฒนาขึ้นโดย The Japan Electronic Industry Development
Association (JEIDA) ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะถูกบรรจุลงในภาพที่ถ่ายโดยกล้องดิจิทัล
โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของภาพถ่ายนั้นๆ โดยให้รายละเอียด ดังนี้
- วันและเวลาที่ถ่ายภาพ
- คุณสมบัติของกล้องขณะที่ถ่าย (ความเร็วชัตเตอร์, โหมดที่ใช้ถ่ายภาพ, ระดับรับรู้แสง เป็นต้น)
- ตัวอย่างภาพถ่าย
- บันทึกข้อความ และลิขสิทธิ์
ภาพที่ 3 ตัวอย่าง
ระเบียน EXIF จากภาพถ่ายกล้องดิจิทัล
XMP
(Extensible Metadata Platform)
XMP ย่อมาจาก Extensible Metadata Platform เป็นมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลลงในไฟล์ภาพ โดยมีหลักการคือ
สามารถทำการบันทึกเมทาดาทาไว้เป็นแม่แบบ (Template) เพื่อใช้กับภาพจำนวนมากได้โดยไม่ต้องมากำหนดใหม่ทั้งหมด ยกตัวอย่าง Adobe Photoshop 7.0
ได้ตระหนักถึงความต้องการในการค้นคืนภาพ และการป้องกันลิขสิทธิ์ของภาพ
จึงได้นำเทคโนโลยีเมทาดาทาระบบ XMP มาใช้ในการสร้างรายละเอียดประกอบรูปภาพ
ซึ่งสนับสนุนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยให้การค้นคืนภาพทำได้สะดวก
รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถอ้างอิงความเป็นเจ้าของภาพที่เผยแพร่ผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ
ได้พร้อมๆ กัน
ภาพที่ 3 ตัวอย่าง
แบบแผนการลงรายการมาตรฐาน XMP จากโปรแกรม Adobe Photoshop
CS3
MODS
(Metadata Object Description Schema)
MODS ย่อมาจาก Metadata Object
Description Schema เป็นรูปแบบในการอธิบายข้อมูลทางบรรณานุกรมของทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัล
ที่ออกมาแบบมาเพื่อให้เข้ากับพื้นฐานรูปแบบทางบรรณานุกรมของมาร์ก ซึ่งเป็นเมทาดาทาที่พัฒนาโดย Library of Congress เพื่อให้มีมาตรฐานการลงรายการทางบรรณานุกรมที่เป็นกลางระหว่างมาร์กกับดับลินคอร์โดยใช้โครงสร้างภาษา XML ซึ่งปัจจุบัน (Version 3.4) แบ่งข้อมูลเป็น
20 ชุด ดังนี้
1. <titleinfo> ชื่อเรื่องหลัก หรือชื่อเรื่องอื่นๆ
2. <name> ชื่อผู้แต่ง ผู้สร้าง หรือผู้รับผิดชอบ
3. <typeOfResource> ประเภทของทรัพยากร
4. <genre> ลักษณะหรือรูปแบบของการนำเสนอ
5. <originInfo> ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต และการเผยแพร่
6. <language> ชื่อหรือรหัสของภาษาที่ใช้
7. <psysicalDescription> ลักษณะทางกายภาพ
8. <abstract> สาระสังเขป หรือเรื่องย่อ
9. <tableOfContents> สารบัญ
10. <targetAudience> กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
11. <note> บันทึกข้อความ หรือหมายเหตุ
12. <subject> หัวเรื่อง
13. <classification> เลขหมู่
14. <relatedItem> งานอื่นที่เกี่ยวข้อง
15. <identifier> หมายเลขระบุทรัพยากร และเลขมาตรฐาน
16. <location> สถานที่ที่จัดเก็บ
17. <accessCondition> เงื่อนไขในการเข้าถึง
18. <part> ส่วนที่สังกัด
19. <extension> ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ
20. <recordInfo> ข้อมูลที่จำเป็นในการจัดระเบียบทรัพยากรสารสนเทศ
ตัวอย่าง ระเบียน MODS ของบทความ Hiring and
recruitment practices in academic libraries (Library of Congress,
2011)
<titleInfo>
<title>Hiring and recruitment practices in
academic libraries</title>
</titleInfo>
<name type="personal">
<namePart>Raschke, Gregory K.</namePart>
<displayForm>Gregory K.
Raschke</displayForm>
</name>
<typeOfResource>text</typeOfResource>
<genre>journal article</genre>
Crosswalk Metadata
Crosswalk
Metadata คือ การทำเมทาดาทาที่มีมากกว่า 1 แบบ
เรียกได้ว่าเป็นลักษณะของการข้ามผ่านจากข้อมูลชุดหนึ่งไปยังข้อมูลอีกชุดหนึ่ง โดยการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเมทาดาทาแบบหนึ่งไปยังอีกแบบหนึ่งโดยจะอนุญาตให้สร้างกลุ่มขึ้นมา
และจะสามารถใช้ได้กับกลุ่มอื่นๆ ที่ใช้มาตรฐานเมทาดาทาที่แตกต่างกัน
ทำให้หน่วยงานที่ใช้เมทาดาทาต่างกันสามารถปรับใช้ข้อมูลร่วมกับ
เมทาดาทาอื่นได้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับห้องสมุดดิจิทัล
ที่มีทรัพยากรที่รวบรวมมาจากหลายๆ แหล่ง
หน่วยข้อมูล
|
Dublin
Core
|
EAD
|
MARC21
|
Title element
|
Title
|
<titleproper>
|
245 $a Title statement/Title proper)
|
Author element
|
Creator
|
<author>
|
100, 110,111,700, 710, 711Personal name, added entry
,personal name, Corporate name, added entry-corporate name
|
Date created element
|
Date.Created
|
<unitdate>
|
260 $c Date of publication
|
ตารางที่ 1 ตัวอย่าง Crosswalk ของ Dublin Core, EAD และ MARC21 (STKS, 2553)
รวมลิงก์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Metadata
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น