วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เรียนรู้เกี่ยวกับ Doblin core

ดับลินคอร์ (Dublin Core)
การจัดทําดับลินคอร์เมทาดาทานั้น เกิดขึ้นเนื่องจากมีสารสนเทศจํานวนมหาศาลในเวิล์ดไวด์เว็บ
ซึ่งเป็นเอกสารที่เจ้าของผลงานผลิตขึ้นเองโดยใช้เพียงภาษาเอชทีเอ็มแอล (HTML)ใน การกําหนดรูปแบบการแสดงผลและเชื่อมโยง ข้อมูลเท่านั้น ไม่มีโครงสร้างมาตรฐานสําหรับสืบค้นที่ระบุเขตข้อมูล คณะทํางานดับลินคอร์ซึ่งประกอบด้วย บรรณารักษ์ นักเทคโนโลยีสารสนเทศและผู้ทํางานด้านสร้างข้อมูลในเว็บของ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และหลายประเทศในยุโรปต่างประสบปัญหาและเห็นว่าการสร้างสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์จําเป็นต้องมีการกําหนดคําจํากัดความตามมาตรฐาน เพื่อช่วยให้สืบค้นสารสนเทศได้เนื้อหาตรงกับความต้องการได้ ในปี ค.ศ. 1995 คณะทํางานดับลินคอร์จึงได้ประชุมกันครั้งแรกที่เมืองดับลิน รัฐโอไฮโอ และกําหนดชุดหน่วยข้อมูลย่อย 15 หน่วย สําหรับใช้พรรณนาสารสนเทศดิจิทัลเพื่อให้เจ้าของผลงานจัดทําเมทาดาทาด้วยตนเองและสามารถสืบค้นร่วมกันกับฐานข้อมูลต่างระบบปัจจุบันดับลินคอร์ได้รับการประกาศเป็นมาตรฐานสากล ISO15836 -2003, February 2003  (http://www.niso.org/international/SC4/n515.pdf) และมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา Z39.85-2001,September 2001 (http://www.niso.org/standards/resources/Z39-85.pdf) ผลงานนี้เกิดจากการทํางานร่วมกันระหว่างคณะทํางานดับลินคอร์ ภาคีเวิลด์ไวด์เว็บ และหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน โดยการประสานงานกับหน่วยงานสารสนเทศระดับชาติจากหลายประเทศ เพื่อให้มาตรฐานดับลินคอร์ใช้งานได้ดีในการจัดสร้างสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ บนพื้นฐานข้อมูลต่างระบบและต่างภาษาเพื่อให้การเข้าถึงสืบค้นและแลกเปลี่ยนตลอดจนสามารถใช้สารสนเทศร่วมกันอย่างกว้างขวาง
การใช้ดับลินคอร์เมทาดาทาได้รับความนิยม เพราะมีจุดเด่นที่โครงสร้าง 15 หน่วยย่อยไม่บังคับว่าต้องใช้กฎเกณฑ์และรายละเอียดที่เจ้าของงานเห็นว่าไม่จําเป็นใช้งานได้หลากหลายระบบ (Interoperability) และไม่จํากัดว่าจะใช้อุปกรณ์และโปรแกรมเฉพาะ ผู้ใช้งานทั่วไปเข้าใจเนื้อหาง่ายและไม่ต้องใช้เวลาศึกษานาน นอกจากนี้ การใช้ดับลินคอร์เริ่มจาก การทดลองใช้ภายในกลุ่มทํางานและผู้สนใจ มีการประชุมเพื่อปรับปรุงแก้ไขตลอดเวลา และมีจุดยืนที่การใช้หน่วยข้อมูลย่อยพื้นฐาน 15 หน่วย
          ในขณะที่การ Catalog จะมีมาตรฐานของ US MARC ในการควบคุมการลงรายการ ใน Metadata ก็จะมีมาตรฐานในการพิมพ์บนเว็บ ที่เรียกว่า Dublin-Core Metadata Element Set 
ประกอบด้วยรายการที่แสดงลักษณะพื้นฐานสารสนเทศ 15 ข้อ ถ้าเทียบกับ MARC แล้ว Element ก็คือ Tag หรือ fields นั่นเอง  15 Element Set ได้แก่ 
        1. Title ชื่อเรื่อง 
        2. Author / Creator ผู้แต่งหรือเจ้าของผลงาน
        3. Subject / Keywords หัวเรื่องหรือคำสำคัญ
        4. Description ลักษณะ
        5. Publisher สำนักพิมพ์
        6. Orther Contributors ผู้ร่วมงาน
        7. Date ปีที่ผลิตผลงานในรูปแบบปัจจุบัน (อิเล็กทรอนิกส์)
        8. Resource Type ประเภทของสารสนเทศ
        9. Format รูปแบบที่บันทึกสารสนเทศ เช่น text/ html/ PDF
       10. Resource Identifier รหัส สัญลักษณ์ที่ระบุเฉพาะสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ เช่น url
       11. Source ต้นฉบับ
       12. Language ภาษา
       13. Relation เรื่องที่เกี่ยวข้อง
       14. Coverage สถานที่และเวลา
       15. Right Management สิทธิ สิขสิทธิ์
        ดังนั้น แม้ว่าผู้ใช้งานจะประยุกต์รายละเอียด เพิ่มเติมหรือลดจํานวนหน่วยข้อมูลย่อย ย่อมไม่มีผลต่อการพรรณนาลักษณะของสารสนเทศ ต่อมามีการประยุกต์สําหรับการพัฒนาห้องสมุดดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตและในการจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องรวมแฟ้มข้อมูลและแลกเปลี่ยนแฟ้มข้อมูลจํานวนมาก หน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานเอกชนของหลายประเทศ ตลอดจนองค์การระหว่างประเทศเริ่มใช้ดับลินคอร์เมทาดาทาเมทาดาทา 16 สําหรับจัดโครงสร้าง ฐานข้อมูลโดยการรวมหลายฐานข้อมูลให้เสมือนเป็นฐานข้อมูลหนึ่งเดียวเป็นช่องทางสู่การเข้าถึงสารสนเทศง่าย เร็ว และสืบค้นครั้งเดียว ได้สารสนเทศทั้งหมดจากแหล่ง

 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ เกี่ยวกับ doblin core ได้ที่



2 ความคิดเห็น: